แอบอ้าง
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๘
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ถาม : ข้อ ๓๑๒๔. เรื่อง “พิจารณากายของหลวงปู่เจี๊ยะ”
กราบนมัสการหลวงพ่อ ผมมีโอกาสได้ฟังเทศน์หลวงพ่อเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงปู่เจี๊ยะ ผมมีคำถามดังนี้
๑. หลวงปู่เจี๊ยะเน้นพิจารณากาย โดยพิจารณาข้อกระดูกไปทั่วร่างกาย ดูเหมือนพิจารณากายทั่วไป แต่ผมทำตามดูพบว่ายากครับ ผมต้องเดาไล่ตามข้อนิ้ว ซึ่งมันถี่มากๆ แล้วพอไล่ถึงหัวไหล่จะไปที่คอ ก็เริ่มตามไม่ทัน สรุปว่ายากกว่าที่คิดมาก
ขอถามว่า หลวงปู่เจี๊ยะพิจารณาไล่ไปแทบทุกข้อกระดูก หรือข้ามไปดูเฉพาะข้อหลักๆ ก่อน จึงค่อยเริ่มลงรายละเอียดทุกข้อกระดูกครับ
๒. หลวงตานิมนต์หลวงปู่เจี๊ยะให้มาดูแลวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม และท่านลงมาในปี ๒๕๒๖ ซึ่งหลวงพ่อก็ติดตามา หลวงพ่ออยู่ที่ปทุมฯ ไม่ถึงสองปีหรือเปล่าครับ แล้วก็กลับมาโพธารามหรือ
ผมเห็นบันทึกการเทศน์ของหลวงปู่ที่โพธารามในปี ๒๕๓๒ ไม่แน่ใจว่าเป็นปฏิปทาหลวงปู่เจี๊ยะที่มาเยี่ยมหลวงพ่อในฐานะลูกศิษย์ (เหมือนหลวงตาเคยมาที่วัดโพธารามอยู่บ่อยๆ) หรือหลวงปู่เจี๊ยะมีญาติเชื้อสายจีนที่โพธารามครับ
ตอบ : นี่คำถามเนาะ คำถามๆ คำถามเริ่มต้นคำถามเรื่องการปฏิบัติ คำถามข้างหลังมันเป็นเรื่องการเมือง การเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แต่สำหรับเรานะ เราเคารพ เราเคารพเหมือนกับว่า พวกเราชาวพุทธไง แสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีงาม แล้วมันอยู่ที่ธาตุ คำว่า “ธาตุ” เข้าหาครูบาอาจารย์ที่ถูกต้องชอบธรรม แล้วครูบาอาจารย์มีอยู่ดาษดื่น แต่เวลาเข้าไปแล้วมันไม่ถูกจริตนิสัย หรือเข้าไปใกล้ชิดแล้วเห็นเลศนัยเยอะแยะ เราก็ตีจาก ตีจาก
ฉะนั้น การแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีงาม แล้วครูบาอาจารย์ที่ดีงามเข้าถึงติดได้ยาก เพราะครูบาอาจารย์ที่ดีงามท่านเคยผ่านทุกข์ผ่านยากมาก่อน ฉะนั้น เวลาเข้าไปอยู่กับครูบาอาจารย์ เราแสวงหาอย่างนี้ พอแสวงหาอย่างนี้แล้ว เราเข้าไปแล้ว เราได้ผลประโยชน์มากมายมหาศาล ถึงเคยพูดกับลูกศิษย์ที่ภาวนาแล้วขี้ทุกข์ขี้ยากเหมือนเรานี่ ส่วนใหญ่ใครมาแล้วจะมาปรับทุกข์ๆ
บอกว่า เรานี่ภูมิใจมากเลยที่เกิดมาได้พบครูบาอาจารย์ของเรา เพราะครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นน่ะ ไม่อยากพูดนะ เราได้พบท่าน ท่านมาอบรมเรามาก หลวงปู่มั่นนี่ แล้วโดยวิทยาศาสตร์ โดยข้อเท็จจริง โดยความเป็นมนุษย์ เราอยู่กับหลวงตา หลวงตาโขกสับเรามากๆ
ในประวัติครูบาอาจารย์ท่านบอก หลวงตาพระมหาบัวท่านโขกสับหลวงปู่ลี จนหลวงปู่ลีเอ๋อเลยนะ แต่เราว่าเราก็โดนพอกันหรือมากกว่าด้วย ขณะที่อยู่ด้วย
นี่หลวงปู่ลีท่านอยู่ใกล้ชิด แล้วอยู่นานกว่าเรา เราเข้าไป ๔ ปี เข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างนั้นน่ะ เข้าไปทีไร ท่านเห็นแล้ว เรามา แล้วโขกสับบนศาลา โขกสับมากๆ เลย แต่ขอบคุณๆ เพราะเราแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีงาม
การโขกสับมันอยู่ข้างนอก เหมือนอาจารย์สอนลูกศิษย์ สังเกตได้ว่าอาจารย์สอนลูกศิษย์ ไม้บรรทัดตีมือแล้วตีมืออีก ตีอยู่อย่างนั้นน่ะให้มันเขียนให้ถูก ให้มันเขียนให้สวยงาม เราอยู่กับครูบาอาจารย์ เราโดนอย่างนี้มาจากหลวงตาพระมหาบัว
สุดท้ายแล้ว พอดีหลวงปู่เจี๊ยะสร้างวัด เรามาอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ มันโชคมหาโชคเลย คำว่า “โชคมหาโชค” เพราะอยู่กัน ๒ คน นอกนั้นมีเณร ๔ องค์ แล้วมีพระก็พยายามอยู่วงรอบนอก
อยู่กัน ๒ องค์ ท่านกับเรา โขกสับ โขกสับ โขกสับกันทุกวันเลย ทุกคืน เพราะอุปัฏฐาก ตั้งแต่หัวค่ำยัน ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่มทุกคืน มันได้มาเยอะมากๆ เลยเคารพบูชาไง มันเป็นความกตัญญูกตเวทีที่ว่าเราได้ของเรามา แต่พอมาโพธาราม นั่นน่ะการเมืองทั้งนั้นน่ะ
ฉะนั้น เราไม่อยากพูดรายละเอียด เพราะเราเคารพครูบาอาจารย์ของเรา ถ้าพูดไปแล้วบอกว่า เอ๊อะ! ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนั้น
ไอ้เป็นอย่างนั้นมันเรื่องสังคมไง แต่ข้อเท็จจริงคือทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ เหตุและผล การฝึกหัดปฏิบัติ
หาครูบาอาจารย์ที่ของจริงแสนยาก แล้วหาไม่ได้ด้วย กะล่อน หลอกลวง ทั้งนั้น
ฉะนั้น เวลาเข้าไปครูบาอาจารย์ แล้วถึงครูบาอาจารย์ของเรา นี่พูดถึงคำถามนะ
ฉะนั้น เริ่มต้นข้อที่ ๑. หลวงปู่เจี๊ยะท่านพิจารณากาย โดยพิจารณาข้อกระดูกโดยทั่วร่างกาย ดูเหมือนพิจารณากายทั่วไป แต่ผมลองทำดูพบว่ายากครับ ผมต้องเดาไล่ข้อนิ้วมือให้มันถี่ๆ มากๆ แล้วพอไล่ถึงหัวไหล่จะไปที่คอ ก็เริ่มตามไม่ทัน สรุปว่ายากกว่าที่คิดครับ
ฉะนั้น คำถามถามว่า หลวงปู่เจี๊ยะท่านพิจารณาในแทบทุกข้อกระดูก หรือข้ามไปดูเฉพาะข้อหลักๆ ก่อน จึงค่อยเริ่มลงรายละเอียดทุกข้อกระดูกครับ
เวลาคนฝึกหัดปฏิบัติ เริ่มต้นการฝึกหัดปฏิบัติมันทุกข์มันยากทั้งนั้นน่ะ แล้วเวลาคนปฏิบัติเป็น เวลาสรุป เห็นไหม เพราะหลวงปู่เจี๊ยะกับหลวงตาท่านมาที่ปทุมฯ เรานั่งอยู่ด้วย เพราะเราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ
หลวงตาท่านเห็นเราที่บ้านตาด ท่านโขกสับเราพอแรงแล้ว แต่หลวงปู่เจี๊ยะไม่รู้ ทีนี้พอท่านลงมาที่ปทุมฯ ท่านจะคุยกันน่ะ
หลวงปู่เจี๊ยะบอกว่า ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน ให้เด็กลงไป
หลวงตาบอกว่า เอ็งนั่งตรงนี้ เอ็งนั่งด้วย
๓ องค์ หลวงตา หลวงปู่เจี๊ยะ เรา
หลวงปู่เจี๊ยะท่านบอกพฤติกรรมของพระ เพราะอะไร เพราะเวลาหลวงตาพระมหาบัวท่านดำรงชีวิตอยู่ คำพูดของหลวงตาท่านพูดไง
มีเรา คือหลวงตาพระมหาบัว เอาหัวค้ำฟ้าไว้ มีท่านเอาหัวค้ำฟ้าไว้กับหลวงปู่เจี๊ยะ
คำว่า “หัวค้ำฟ้าไว้” คือค้ำธรรมไว้ ค้ำข้อความเป็นจริงไว้ แล้วท่านปรึกษากัน
เวลาหลวงตาพระมหาบัวท่านมาสร้างวัดที่ปทุมฯ นั่นน่ะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปฏิปทาของหลวงปู่มั่นไง
หลวงตาพระมหาบัวท่านลูกศิษย์หลวงปู่มั่น หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เวลาหลวงตาท่านก็มาควบคุมดูแลว่าการกระทำมันจะถูกต้องตามข้อวัตรปฏิบัตินั้นหรือไม่
แล้วเวลาท่านนั่งคุยกัน หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็รำพันไง แล้วอยู่กับเราสององค์ นอกนั้นก็เป็นเณร พระก็อยู่รอบนอก พระไม่เข้ามาเพราะมันต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน แล้วเข้าไปอยู่ใกล้หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่เจี๊ยะโขกสับๆ
หลวงปู่เจี๊ยะนี่โคตรนักเลงเลย ลุยไฟอย่างเดียว แล้วเราของท่าน เราเป็นมือเป็นไม้ท่าน ลุยอย่างเดียว ไม่มีใครเข้ามาหรอก กลางวันทำงานทั้งวัน กลางคืน โอ้โฮ! โขกสับเราทั้งคืน ซัดกันอยู่อย่างนั้นน่ะ แต่โคตรโชคดีเลย ได้เยอะแยะ ได้ของดีๆ มา
ฉะนั้น หลวงปู่เจี๊ยะท่านถึงพูดไง ทำไมพระในปัจจุบันนี้ สมัยนั้นทำไมมันชักเรียวเแหลม มันชักวุ่นวายไปหมดเลยวะ
หลวงตาพระมหาบัวท่านบอกว่า สมาธิยังทำไม่เป็น จะภาวนาอะไรกัน
มันทำความสงบยังทำไม่ได้ มันทำสมาธิไม่เป็นคือสมาธิมันผิดหมดไง มันเป็นมิจฉาทั้งนั้นไง แล้วเราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ แล้วพระตอนนั้นสร้างอยู่ก็มาหาหลวงปู่เจี๊ยะเยอะแยะ จำได้หมดน่ะ “นั่งหลับครับ นั่งหลับครับ”
ตัวมันเองเวลาเข้ามา นั่งหลับครับ คือให้หลวงปู่เจี๊ยะแก้นั่งหลับ ก็มันนั่งหลับ นั่งสัปหงกโงกง่วง นั่งหลับ ตกภวังค์ทั้งหมด นี่เห็นทั้งนั้นน่ะ ฉะนั้น เวลาโขกสับๆ ไง
ฉะนั้น เวลาคำถาม คำถามว่า หลวงปู่เจี๊ยะท่านพิจารณาโดยยอดหรือข้ามไป
ไม่มีทาง
มันเป็นอำนาจวาสนาของท่าน อำนาจวาสนาของท่านนะ เวลาท่านบวชใหม่ ท่านเล่าให้ฟังเอง ท่านเล่าให้เราฟังหมดน่ะ อยู่กันมา โอ้โฮ! คุยกันทุกคืน คุยกันทุกคืน แล้วคืนไหนไม่เข้าไปก็ไม่ได้ด้วยนะ ตั้งแต่หัวค่ำยัน ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่มนู่นแหละ ถ้าวันไหนไม่ได้ไป รุ่งเช้ามานะ “มันไม่ยอมมา มันไม่เข้ามาหาเรา” พอเข้าไปก็ฟัดกัน
เวลาฝึกหัดท่านบอกท่านบวชใหม่ๆ คนเฒ่าคนแก่ เพราะหลวงปู่กงมาท่านไปสร้างวัดป่าทรายงาม บ้านท่านอยู่นั่น ท่านก็บวชที่นั่น แล้วธรรมดาคนเฒ่าคนแก่เขานั่งสมาธิได้ เราบอกว่าเราอายุ ๒๐ ทำไมสู้คนแก่ไม่ได้ โอ้โฮ! ท่านลุยเต็มที่เลย
ฉะนั้น ไอ้ที่ว่า การทำความสงบของใจได้ หลวงตาพระมหาบัวท่านบอกไง มันทำสมาธิไม่เป็น มันจะไปทำอะไรกัน
สมาธิถ้ามันเป็นมิจฉาขึ้นมา มันจะเข้าสู่มรรคได้อย่างไร สมาธิ สมถกรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงาน ถ้าเป็นสัมมาสมาธิมันจะมีกำลังของมัน แล้วมีกำลัง ไม่มีวาสนา มันก็ไม่เห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง ถ้าเห็นนิมิตๆ นิมิตก็ภายนอก ถ้าเห็นสติปัฏฐาน ๔ เห็นกายกับใจมันเห็นอย่างไร แล้วเห็นถูกต้องหรือเห็นไม่ถูกต้อง
ถ้าไม่ถูกต้อง ท่านพูดกับเราเอง เพราะท่านพยายามจะพูดให้เราลงท่านว่า ท่านขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น ไปหาหลวงปู่มั่นก็ไม่เล่าให้ใครฟังเลย ไปเล่าให้หลวงปู่มั่นฟังหมด ส่งวิทยานิพนธ์ ส่งเหตุและผล ส่งการกระทำเป็นจริง
ท่านพูดเอง หลวงปู่มั่นไม่เห็นค้านเราสักคำ แล้วท่านก็ถามหลวงปู่มั่นว่า แล้วทำอย่างไรต่อไป
หลวงปู่มั่นบอกว่า ถ้าท่านพิจารณากายมา
เพราะขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น ผ่านขั้นที่ ๑ ขั้น ๒ คู่ที่ ๑ คู่ที่ ๒ คือท่านเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ก่อนที่ถ้ามันจะเป็นพระสกิทาคามี สัมมาสมาธิมันต้องเกิดขึ้น
ฉะนั้น สัมมาสมาธิที่เกิดขึ้น คำถามที่ว่า หลวงปู่เจี๊ยะพิจารณาทุกข้อๆ
ทุกข้อ แล้วไม่ใช่ทุกข้อธรรมดาด้วยนะ
เวลาเรานั่งอยู่กับท่าน ที่เราฝึกหัดปฏิบัติมา ถ้าเราอยู่กับหลวงตา เราได้ปัญญาวิมุตติ มันเป็นทางใช้สติปัญญาส่วนใหญ่ พอไปหาท่าน ท่านบอกว่า มึงน่ะจำของท่านอาจารย์ใหญ่มา
คือจำของหลวงตามาพูดไง เวลาเถียงกับท่านนะ ท่านอ้างว่าเรานี่สัญญา จำของหลวงตาพระมหาบัวมา
เราก็แย้งท่านว่า ถ้าผมจำของหลวงตามา หลวงปู่ซักผม ผมต้องจนสิ ผมต้องตอบไม่ได้สิ ผมต้องหลุดสิ ผมต้องไปทางอื่นหมดเลย ทำไมผมเถียงได้ฉอดๆๆ อย่างนี้ล่ะ
ท่านก็เอามือตบพื้นปังๆ เวลาอัดเรานะ ตบมืออย่างนี้ปังๆ ใส่กันตัวต่อตัว “ท่านน่ะจำของท่านอาจารย์ใหญ่มา คือจำของหลวงตามา ถ้าจะเอาเป็นจริงต้องพิจารณากายอย่างนี้”
เราถึงต้องไปพิจารณากายกับท่านไง มันถึงเป็นองค์เดียวไง ทั้งปัญญาฯ ทั้งเจโตฯ ฝึกมาทั้งหมด ฉะนั้น เวลาใครมาถึงใส่ได้หมดน่ะ
แต่ครูบาอาจารย์แต่ละองค์นะ ถนัดอย่างไรมา ตอบได้แค่นั้น วิชาชีพ นักกฎหมายก็เก่งกฎหมาย นักกฎหมายไม่ใช่นักก่อสร้าง วิศวะก่อสร้างก็ยังมีโครงสร้าง โครงสร้าง สถาปัตย์ มีร้อยแปด วิศวะยังแตกสาขาไปเยอะแยะ แล้วนี่ก็เหมือนกัน ถ้าใครทำอย่างไร มาอย่างนั้น
ฉะนั้น สิ่งที่บอกว่า พิจารณากายโดยข้อ
ไม่ใช่ แล้วไม่ใช่ธรรมดานะ เราอยู่กับท่าน ท่านรู้หมดน่ะ
การพิจารณาข้อกระดูกแต่ละชั้นแต่ละตอน พิจารณาแล้วถ้าจิตมันอยู่กับข้อกระดูกอย่างนั้นอย่างน้อย ๒ หรือ ๓ ชั่วโมง ถ้ามันไม่แฉลบเลย นั้นเป็นสมถะ คือเป็นสมาธิครับ ยังไม่ได้เป็นวิปัสสนา ไม่ใช่
เพราะเริ่มต้นถ้าจิตมันไม่สงบ การที่เราบังคับดูตามข้อ เอ็งมีสมาธิหรือยัง
ทุกคนที่ปฏิบัติมันมีสมาธิของมนุษย์ คือสมาธิของปุถุชน ปุถุชนมีสมาธิในระดับของปุถุชน แต่ถ้าเข้าสู่ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ
หรือเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ อวดอุตตริมนุษยธรรม อุตตริมนุษยธรรมคือธรรมเหนือมนุษย์
สัมมาสมาธิโดยความถูกต้องชอบธรรม มนุษย์โดยธรรมชาติมันมีแค่นั้น แต่ถ้ามันล้น มันเลยไป ก็ไปรู้อะไรแปลกๆ นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นสมาธิมันจะมีกำลังของมัน ถ้ามันจะมีกำลังของมัน มันจะเป็นสัมมาสมาธิไง นี่สมถกรรมฐาน
ฉะนั้น ถ้ามีสติ แล้วจิตมันมีสมาธิ มันจะระลึกได้ข้อนิ้วมือข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ ข้อที่ ๓ ไปถึงข้อมือ ข้อมือถึงข้อศอก ข้อศอกไปหัวไหล่ หัวไหล่ขึ้นมาก้านกระดูกต้นคอ ขึ้นไปบนกะโหลกศีรษะ กะโหลกศีรษะลงมา มาแขนข้างซ้ายก็มาแขนข้างขวา
ท่านอบอรมเราหมดน่ะ แล้วท่านบอกด้วย นี่เป็นสมถะ คือสมาธิ ไม่ใช่วิปัสสนา มันต้องอยู่ในร่างกาย ๒–๓ ชั่วโมง หมายความว่า พุทโธๆๆ เวลาจิตมันลง ขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิ ถ้าเป็นขณิกสมาธิมันก็เล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นอุปจาระมันก็คงที่ของมัน ถ้ามันหมุนของมันเป็นชั่วโมงๆ ได้ แล้วถ้าระลึกได้ เห็นไหม นี่คนภาวนาเป็น
หลวงปู่เจี๊ยะท่านเป็นพระอรหันต์นะ แล้วที่เวลาท่านพูด ท่านขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น ท่านเป็นพระสกิทาคามีแล้ว แล้วที่ตอนหลวงตามาสร้างวัด ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว เวลาเป็นพระอรหันต์เพราะอะไร เพราะหลวงตาท่านพูดบ่อย “เจี๊ยะ หลวงปู่บัวท่านพิจารณากายอย่างนี้ๆ” ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์หรือไม่มีประสบการณ์ พูดไม่เข้าใจ แล้วรู้ไม่ได้
เหมือนดอกเตอร์ ดอกเตอร์บอกนี่จบปริญญาตรี ไอ้นั่นจบปริญญาตรีแล้วนะ ไอ้นั่นจบปริญญาโทแล้วนะ ไอ้นั่นมันเป็นดอกเตอร์ มันทำวิทยานิพนธ์นะ ไอ้คนจบดอกเตอร์มันรู้ เพราะอะไร เพราะมันผ่านปริญญาตรีมาก่อน โท เอก ทำวิทยานิพนธ์ มันรู้ของมัน เพราะมันมีประสบการณ์ของมัน ถ้าไม่มีประสบการณ์ของมัน มาพูดให้เราฟัง เราไม่รู้ เราไม่รู้ เพราะกูไม่ได้เรียนด้วย ถ้ากูรู้ กูก็เดินผ่านมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกูขับรถผ่านไปผ่านมาตลอด กูผ่านมหาวิทยาลัยบ่อยๆ แต่กูผ่านเยอะ ส่วนใหญ่พระพูดอย่างนี้ไง เคยผ่าน เคยเป็น เอ็งได้เรียนหรือเปล่า ไม่มีทาง
ฉะนั้น เวลาคำถามบอกว่า หลวงปู่เจี๊ยะท่านพิจารณาข้ออย่างไร
ท่านพิจารณาโดยละเอียดของท่านนะ พิจารณาโดยละเอียด แล้วพอเป็นสมถะ เขาต้องรู้ว่าเป็นสมถะ คือเป็นสมาธิไง พิจารณาตามข้อ นี่ประสบการณ์ของท่าน
เราอยู่กับท่าน เวลาประสบการณ์ เราอยู่กับครูบาอาจารย์ แล้วเราพยายามซัก พยายามหาความรู้กับครูบาอาจารย์ แล้วหาความรู้กับครูบาอาจารย์ แต่ละองค์ วิทยานิพนธ์ของท่าน เราถึงชอบมาก เพราะอะไร เพราะกูเกือบตาย เวลากูทำนะ กูทำไม่ได้ แล้วกว่ากูจะทำได้นะ โอ๋ย! โคตรทุกข์เลย แล้วได้มาแง่มุมเดียว แล้วแง่มุมของคนอื่นล่ะ มันเป็นความมหัศจรรย์น่ะ
ฉะนั้นถึงว่า วิทยานิพนธ์ของครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์เรารู้หมดน่ะ เพราะเราศึกษาทั้งนั้นน่ะ เราศึกษาเพราะมันรู้อย่างไร เป็นอย่างไร แล้วเป็นจริงไม่เป็นจริง ถ้ามันไม่เป็นจริง มันไม่มีขณะไง มันไม่มีนิโรธ ไม่มีการดับทุกข์
ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ มันกลมกลืนกันอย่างไร มันสมดุลกันอย่างไร มันถึงเป็นอริยสัจฝ่ายเหตุและฝ่ายผล ฝ่ายเหตุและฝ่ายผลเวลาเข้าไปแล้วชำระล้างนั่นน่ะ สัมปยุต วิปปยุตเข้าไปในจิต แล้ววิปปยุตเข้าไปในจิตแล้วมันเหลืออะไร มันเป็นอย่างไร นี่ผลของการอยู่กับครูบาอาจารย์มา
ฉะนั้น สิ่งที่ว่าของหลวงปู่เจี๊ยะท่านข้ามขั้นไปใช่ไหม
นี่คนไม่เป็นถาม เห็นไหม คนไม่เป็นก็ไม่รู้ อ๋อ! กูขับรถผ่านมหาวิทยาลัยไป แล้วกูก็ขับรถกลับมา กูผ่านมาสองรอบแล้วนะ แต่กูไม่เคยเข้าไปในมหาวิทยาลัยเลย แล้วกูไม่รู้ว่าในห้องเรียนเขาเรียนอะไรกัน กูก็ไม่รู้ เหมือนกัน
ฉะนั้น สิ่งที่ว่าพิจารณากายๆ คิดว่ามันเหมือนทำได้ แต่ทำแล้วมันไม่ง่าย มันยาก แล้วทำอย่างไร
มันอยู่ที่วาสนา กรรมฐาน ๔๐ ห้อง มันอยู่ที่จริตนิสัย อยู่ที่อำนาจวาสนาของคน แล้วอำนาจวาสนา นี่คือการค้นคว้าของท่านเอง นี่ไง ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ต้องมีเหตุ เหตุของหลวงปู่เจี๊ยะท่านก็ทำของท่านมาอย่างนี้ แล้วขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มันก็รับรอง
เวลาคุยกับหลวงตา หลวงตาจะพูดถึงหลวงปู่เจี๊ยะ “เราเอาหัว เอาศีรษะค้ำฟ้าไว้ ค้ำเรื่องเหตุเรื่องผล เรื่องธรรมและวินัยในพระพุทธศาสนา ในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา มีเรากับท่านเจี๊ยะเอาหัวค้ำฟ้าไว้” หลวงตาพูดบ่อย เพราะมันเป็นของจริงด้วยกัน
แต่เราเป็นปุถุชนไง เราอยากจะปฏิบัติไง ก็มาศึกษาค้นคว้าตรงที่ท่านพูดไง
ท่านพูดนั่นน่ะเป็นกิริยา เป็นวิธีการของท่าน แล้วเราทำได้จริงหรือเปล่า เราทำไม่ได้จริงก็สงสัยมานี่ไง แต่มันข้อเท็จจริงในพระพุทธศาสนานะ
เวลาบวชพระ อุปัชฌาย์ต้องให้เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ กรรมฐาน ๕ การพิจารณากายอยู่ในกรรมฐาน ๕ หรือไม่ ในกรรมฐาน ๕ ในอริยสัจ ๔ ในสัมโพชฌงค์ นี้เป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราฝึกหัดๆ จากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง มันก็เป็นภูษาไง ร้านทำผม ร้านทำเล็บ นั่นก็หาเงินหาทองกันไง
แต่เรานั่งพิจารณาของเรา เรานั่งพิจารณา พิจารณาเล็บ จนเห็นอุคคหนิมิตคือเห็นเล็บ เห็นเล็บแล้วขยายส่วนเป็นวิภาคะ เล็บนี่เห็นเป็นเล็บ เล็บขยายส่วนให้มันใหญ่ขึ้น ขยายให้มันเป็นไตรลักษณ์ มันเป็นไตรลักษณะขึ้นมา มันเป็นวิปัสสนา ผม ขน เล็บ ฟัน หนังมันเป็นประโยชน์ไง
หลวงปู่เจี๊ยะท่านถึงพิจารณาร่างกายของท่าน แล้วท่านยืนยันตรงนี้ ใครมาๆ ท่านพยายามจะลงตรงนี้ ถ้าลงตรงนี้ ท่านบอกภาวนาไม่เป็น หลวงปู่จันทร์เรียนมาหาท่านไง “จันทร์เรียน ดูจิตๆ แก้กิเลสได้ไหม”
“ไม่ได้ครับ”
จบ เขาพูดคำเดียว ท่านถามหลวงปู่จันทร์เรียนน่ะ
หลวงปู่จันทร์เรียนเคารพหลวงปู่เจี๊ยะมาก หลวงปู่เจี๊ยะเวลาตีเหล็กๆ ส่งให้หลวงปู่จันทร์เรียนประจำ เพราะอะไร เพราะมันเป็นธรรมไง
แล้วที่ไม่เป็นธรรมนะ พยายามเข้ามาก้อร่อก้อติก ท่านไม่เอา มาก้อร่อก้อติกท่านนะ จะมาสมัครเป็นลูกศิษย์อย่างนี้ ท่านบอก เออ! เป็นลูกศิษย์กองอยู่นู่น อย่าเข้ามา
คนมันเป็นนะ มันรู้ของมัน
นี่ก็เหมือนกัน การพิจารณากายๆ การพิจารณากายของหลวงปู่เจี๊ยะ นั่นคือผู้ที่ชำนาญ คือท่านแสวงหาของท่านเอง วิธีการของท่าน แล้วท่านทำแล้วมันเข้ากับหัวใจของท่าน
แล้วท่านพูดกับเรานี่แหละ ถ้าอยู่ในกายได้ ๒–๓ ชั่วโมง นั่นเป็นสมถะนะ เป็นสมาธิ ยังไม่เป็นวิปัสสนา ถ้ามันเป็นวิปัสสนาไง เพราะอะไร เพราะเวลาเรานึกในข้อกระดูก เรานึกเอา เรานึกเอา เราบังคับจิตของเราให้อยู่ในมัคโค ในทาง ในหน้าที่การงานของจิต
จิตนี้ดูกาย ดูกายด้วยปุถุชน ดูกายด้วยความรื้อค้น ค้นคว้า พอจิตมันสงบแล้ว จิตมันคล่องตัว เพราะมันหมุนอยู่ในร่างกายนี้ ถ้ามันเห็นกายโดยสติปัฏฐาน ๔ โอ๊ะ! โอ๊ะ! โอ๊ะ! มันเห็นกิเลสเลยล่ะ เห็นกาย พิจารณาอย่างเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่สถานะของจิต สถานะของจิตที่มันเป็นสัมมาสมาธิแล้ว
แล้วถ้ามันเห็นกระดูก เห็นกระดูกใช่ไหมแต่ละข้อๆ ถ้ามันเป็นวิปัสสนานะ พอมันเห็นแล้วมันขยายส่วนแยกส่วนไง มันมหัศจรรย์กว่าดูข้อนะ ข้อนี้เป็นไตรลักษณ์หรือไม่เป็นไตรลักษณ์ ข้อนี้มันต่อกันอย่างไร มันไปอีกสเต็ปหนึ่งเลย ถ้าวิปัสสนานะ มันเห็นข้อนะ มันเห็นเป็นไตรลักษณ์นะ มันเป็นความมหัศจรรย์นะ กิเลสมันจะสำรอกแล้ว มันจะคาย คายด้วยวิปัสสนาการรู้แจ้งไง นี่ผลของการปฏิบัติตามข้อเท็จจริง
ไอ้ที่ว่าพิจารณาตามข้อๆ นั้นมันเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นทางโลก นี่นึกเอายังนึกแทบไม่ได้เลย นึกเอาคือบังคับ เหมือนพุทโธๆๆ ไม่ได้ บังคับให้นึกพุทโธ นี่ให้มันอยู่ในข้อของกระดูกมันอยู่ไม่ได้ ถ้ามันอยู่ได้ก็พุทโธๆ จนพุทโธกลมกลืนไง
ไอ้นี่คือเราแตกแขนงไปเรื่อย เพราะเราแสวงหาครูบาอาจารย์มาเยอะ แล้วองค์ไหนภาวนาเป็น เราเข้าติดเลย เข้าติด เข้าไปคุ้นเคยกับท่าน แล้วขอ ขอความรู้จากท่าน เราขอความรู้จากท่าน เราถึงเคารพบูชาที่ความรู้นี้ นี้คือกตัญญูกตเวที ไม่ใช่เนรคุณ
ถ้าไปทางโลกนะ มีการเมืองเยอะมาก แล้วไปฟ้องร้องท่าน ไปพยายามใส่ความเราเยอะมาก หลวงตาก็โดน พระด้วยกันไปใส่ไคล้ฟ้องหลวงตาเยอะแยะ หลวงตาท่านนั่งจิ้มไม้เกียเฉย เพราะท่านฟาดหัวเราได้อยู่แล้ว ท่านทำเราได้อยู่แล้ว แต่คนไปใส่ไคล้เยอะมาก เพราะต้องการให้หลวงตาด่าเราให้ติดเทปไว้ว่าเราโดนด่า แต่เวลากูโดนด่าสดๆ ร้อนๆ บนศาลา กูโดนด่าทั้งปีๆ นี่ไม่มีใครพูดเลย
นี่ข้อที่ ๑.
“๒. หลวงตานิมนต์หลวงปู่เจี๊ยะให้มาดูแลวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม และท่านลงมาในปี ๒๕๒๖ หลวงพ่อก็ติดท่านมาด้วย หลวงพ่ออยู่ปทุมฯ ถึงสองปีหรือไม่”
นี่คำถามเนาะ “ผมเห็นบันทึกการเทศน์ของหลวงปู่ที่โพธารามในปี ๒๕๓๒ ไม่แน่ใจว่าเป็นปฏิปทาหลวงปู่เจี๊ยะที่มาเยี่ยมหลวงพ่อในฐานะลูกศิษย์ หรือหลวงปู่เจี๊ยะมีญาติที่เป็นสายเลือดคนจีนที่โพธาราม”
หลวงตาท่านมาเยี่ยมเรา ดูแลเรานี่นะ เพื่อพระพุทธศาสนา
เพราะว่าเวลาหลวงตาท่านลงมา ท่านพ่อลีท่านมาอยู่วัดอโศการาม ท่านพ่อลีท่านปรารถนาอยากจะมีสี่มุมของกรุงเทพฯ แล้วท่านพ่อลีท่านก็ซื้อที่ที่ปทุมฯ ไว้ ว่าสี่มุมเมืองเพราะอะไร เพราะสมเด็จมหาวีรวงศ์ (อ้วน) สนับสนุนท่าน ลูกศิษย์ลูกหาสนับสนุนท่าน บังเอิญอำนาจวาสนาของท่าน ท่านเสียชีวิตไปก่อน
หลวงตาพระมหาบัวท่านพยายาม เห็นไหม สวนแสงธรรม แล้วมาสร้างศาลาศรัทธาในกรุงเทพฯ ท่านก็ปรารถนาอยากจะให้มีสี่มุมเมือง อยากให้เป็นที่ปฏิบัติของชาวพุทธ ไม่ต้องให้ชาวพุทธกระเสือกกระสนไปถึงภาคอีสาน แต่ทำสิ่งใดแล้วนะ มันก็มีการเมือง มีเหตุผลทางโลกเข้าไปทำให้เป็นข้อเท็จจริงขึ้นมาได้ยาก ฉะนั้น ถึงมาสร้างที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม เราก็มาอยู่ด้วย แล้วเราก็มาศึกษาค้นคว้า มันเป็นผลของวาสนาของคนที่ได้พบกัน
เวลาเรามาอยู่ที่โพธาราม หลวงตาพระมหาบัวท่านมาเยี่ยม มาดูแลคุ้มครอง มาคุ้มครองดูแลเรา เพราะอะไร เพราะถ้าไม่คุ้มครองดูแล ท่านบอกว่า อยากให้ภาคกลางมีกรรมฐาน อยากให้ภาคกลางมีกรรมฐาน
ท่านพ่อลีท่านก็ทำที่วัดอโศฯ ประสบความสำเร็จ แล้วจะสร้างต่อเนื่องไปมันก็เหตุบังเอิญว่าให้ท่านนิพพานไปซะ
หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่เจี๊ยะท่านทำที่ปทุมฯ
แล้วสมัยเรามา ท่านก็ให้เรามาอยู่ที่โพธารามนี่แหละ แต่อยู่ที่โพธารามแล้ว
“ท่านมาเยี่ยมหลวงพ่อ หรือมาเยี่ยมชาวจีนที่โพธาราม”
ชาวจีนที่โพธารามไปนิมนต์ท่านมา นิมนต์ท่านมาให้มาดูว่าทำถูกต้องหรือไม่ แต่หลวงตาท่านมาคุ้มครอง ท่านมาเชิดชู ทำให้เป็นข้อเท็จจริงขึ้นมา
ฉะนั้น สิ่งที่เวลาหลวงปู่เจี๊ยะมา มันถึงว่าชาวจีนเขานิมนต์ท่านมา แล้วถ้ามาแล้วมันก็จะออกไปทางปฏิปทาไปอย่างอื่น
ฉะนั้น เวลาเราถึงไม่ค่อยฟังใคร ไม่ฟัง ไม่ฟังเพราะอะไร เพราะต้องการปฏิปทาธุดงคกรรมฐาน
แล้วหลวงตา ภาษาเรานะ หลวงตาท่านเชื่อมือ เพราะท่านเห็นเราที่บ้านตาดอยู่แล้ว มาอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ เราพยายามทำข้อวัตรปฏิบัติที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม เวลาทำข้อวัตร พระมันไม่ยอมทำกันไง ข้อวัตรที่วัดเรายังทำอยู่นี่ เราทำอย่างนี้ แต่ของท่าน ท่านจะให้ทำแบบของท่านน่ะ
หลายๆ เรื่องมันมีการเมือง มีการเมือง แล้วพระก็พยายามเต็มที่ แต่นี่ก็เพราะว่าบุญและบาปเนาะ เรายังรักษาตัวเรามาอยู่ได้ รักษาตัว รักษาตัวมาให้มันเป็นข้อเท็จจริงไง
ฉะนั้น สิ่งนี้ถ้าพูดไปแล้ว เพราะว่าเวลาคนที่มีเฉพาะการศึกษา มีเฉพาะการศึกษามันก็จินตนาการของมันไป
หลวงปู่เจี๊ยะท่านเป็นพระอรหันต์ หลวงตาพระมหาบัวท่านเป็นพระอรหันต์ ถ้าพระอรหันต์แล้ว จะต้องทำสิ่งใดแล้วตามตัวบทกฎหมายเปี๊ยะ ถูกต้องชอบธรรมเปี๊ยะ
แต่สังคมล่ะ
นี่ไง ในการปกครอง มันมีรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิติศาสตร์คือกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นกฎหมายแน่นอนอยู่แล้ว รัฐศาสตร์คือการปกครองให้มันสงบสุขไง ให้มันเป็นไปได้ไง ฉะนั้น ชาติ ชาติจะมีได้ต้องมีพื้นที่ ต้องมีประเทศ แล้วชาติประกอบด้วยคน คนต้องมีพื้นที่
นี่ก็เหมือนกัน มาสร้างวัดที่โพธารามๆ มันเป็นวัดหรือยัง มันมีอะไรเยอะมาก ฉะนั้น ชีวิตเราให้พูด ๕๐ ปีไม่จบ มาสร้างวัดที่โพธาราม โอ้โฮ! เรื่องเยอะมาก โคตรเยอะเลย
ถ้าไปสร้างวัดอยู่ในป่านะ มันมีต้นไม้ มีป่า คนส่วนน้อย ไอ้นี่มาสร้างวัดป่าในเมือง ในเมืองมีแต่คน ป่าไม่มี โอ้โฮ! ต้องมาปลูกต้นไม้กันอีลุ่ยฉุยแฉก แต่มันก็เป็นมาได้ มันเป็นมาได้เพราะว่าเรายึดมั่นในพระพุทธศาสนา
แล้วเวลาปัจจุบันนี้พูดอยู่ทุกวัน กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง แล้วเวลาเจริญ มันเจริญที่หัวใจหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตาพระมหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ
เราเวลาฝึกหัดปฏิบัติมา ธรรมะอยู่ที่ใจ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้แสนทุกข์แสนยาก จิตนี้ทำความสงบของใจให้เป็นสัมมาสมาธิแสนยาก ทำสัมมาสมาธิได้ ถ้าเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง ถึงจะมีวาสนาเข้าสู่พระพุทธศาสนา เพราะสมาธิ สมาธิมันเป็นสากล ทุกลัทธิทุกศาสนาก็สอนสมาธิ
ฉะนั้น สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง เห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน “อานนท์ เราบอกเธอแล้วนะ เราเอาแต่ของเราไปเท่านั้น เราไม่ได้เอาของใครไปทั้งสิ้น”
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมา ของของท่านก็สิ้นกิเลส มันก็เป็นวิหารธรรมในใจของท่าน หลวงตาพระมหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็มีของท่านไง ฉะนั้น สิ่งที่อยู่ในหัวใจของท่าน สัจธรรมอันนี้มันมหัศจรรย์ มันยิ่งใหญ่
แล้วถ้าสร้างวัดๆ ถ้ามันไม่ได้ส่งเสริมข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทาเพื่อความดำรง เพื่อการฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้หัวใจถึงที่สุดแห่งทุกข์ สร้างวัดๆ ก็สร้างวัดแบบมโหฬาร สร้างวัดแบบรีสอร์ต สร้างวัดแบบวัตถุที่มหัศจรรย์ ใครมาเห็นแล้วอึ้งทึ่งไปหมดเลย แต่หัวใจนะ แห้งผาก ว้าเหว่ มันไม่ใช่พระพุทธศาสนาไง
เดี๋ยวนี้นะ สิ่งปลูกสร้างๆ เขาสร้างกัน เวลาบ้านเรือนเขาสร้างมหัศจรรย์ โอ้โฮ! ตึกเดี๋ยวนี้ ๔๐๐ ชั้น ๕๐๐ ชั้นนะ วัดสร้างอย่างนั้นไม่ได้ เดี๋ยวอีกหน่อยเราจะสร้างวัดใหม่ สร้างคอนโด ๕๐๐ ชั้น แล้วสร้างวัดอยู่บนยอดคอนโด ให้ประชาชนอยู่ในคอนโดไง คอยใส่บาตรเรา กูจะออกแบบใหม่ สร้างคอนโดเลย แล้วชั้นบนสุดเป็นวัด แล้วให้คนอยู่ในคอนโดคอยอุปัฏฐากวัด เพราะวัดอยู่บนยอดสุด
มันมีความขัดแย้ง มันมีความเห็นต่างมากมาย แล้วถ้าไม่มีหลัก มันจะรักษาพระพุทธศาสนาฝ่ายวิปัสสนาธุระให้เห็นว่า หัวใจที่เป็นปุถุชนคนหนาได้บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา แล้วฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมาบำรุงหัวใจของตน ให้เป็นปุถุชน กัลยาณชน โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มันอยู่ที่ไหนวะ มันอยู่ที่ไหน
แล้วถ้าอยู่ที่นั่น มันก็ต้องสร้างวัดให้เป็นวัดปฏิบัติ
วัดปฏิบัติ หมายความว่า คนที่เข้ามาในวัดต้องปฏิบัติ ปฏิบัติขึ้นมา การปฏิบัติคือการฝึกหัดจิตของตน ควบคุมจิตของตนที่เป็นปุถุชนคนหนาให้เข้าสู่กัลยาณชน กัลยาณชนคือเห็นถูกเห็นผิด อะไรผิดไม่ควรทำ อะไรถูกควรทำ ยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ คู่ที่ ๑ นี่เป็นอริยบุคคลแล้วนะ นี่อริยทรัพย์ในพระพุทธศาสนานะ
อริยทรัพย์ อริยทรัพย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ไง “เราเอาแต่ของเราไป เรามีแต่ในหัวใจของเรา พวกเธอก็พยายามสร้างขึ้นมาให้อยู่ในหัวใจของเธอ แล้วเธอก็ได้สมบัติอันนั้นไปไง”
นี่พูดถึงว่าเวลามาโพธารามไง หลวงตาพระมหาบัวมา โอ้โฮ! ชื่นชมนะ ไอ้เจ๊กหงบมันภาวนาใช้ได้นะ ไอ้เจ๊กหงบนี่ หลวงปู่เจี๊ยะมานี่กระทืบอย่างเดียวเลย เพราะอะไร เพราะชาวจีนโพธารามเขาจะเอาแต่ใจเขา เขาอยากจะเป็นเจ้าแม่ เขาจะอยากจะสร้างวัดอยู่ในอุ้งตีนเขา
เราไม่ยอมไง ไม่ยอมเพราะเราต้องการพระพุทธศาสนา เพราะชีวิตเรา เราปฏิบัติมา เราสละตายมาหมดแล้ว แล้วเรื่องขี้หมาอย่างนี้จะให้มันมาลบหลู่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร แล้วลบหลู่พระพุทธศาสนาแล้ว แล้วเอาพระพุทธศาสนาฝังดินลงไปเลย ให้เจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายมาร่ายรำอยู่ในพระพุทธศาสนา ให้เปรตผีทั้งหมดมาอหังการในพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ทำลายพญามารในหัวใจของท่าน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านฝึกหัดปฏิบัติมามากน้อยแค่ไหน ท่านเป็นพระอรหันต์ อบรมบ่มเพาะธรรมทายาทๆ ได้หลวงตาพระมหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ
เราไปฝึกหัดกับท่าน นิสัยหลวงตาพระมหาบัวกับหลวงปู่เจี๊ยะแตกต่างกันมากมาย หลวงตาท่านชื่นชม ท่านคุ้มครองดูแล หลวงปู่เจี๊ยะจะให้เรายอมรับไอ้พวกเจ๊กบ้านั่นน่ะ เพราะเราก็เป็นเจ๊กไง แต่เจ๊กอย่างเราเจ๊กพุทธะนะเว้ย ไม่ใช่เจ๊กบ้า
ฉะนั้น สิ่งที่รู้ที่เห็น อันนี้เราไม่พูดลงรายละเอียดไง เพราะเราเคารพหลวงปู่เจี๊ยะ เราเคารพหลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่เจี๊ยะนะ ให้พวกเจ๊กบ้านี่กระทืบเราเละเลย พยายามทำให้หลวงตากระทืบเราด้วย แต่หลวงตาท่านไม่ทำ หลวงตาท่านคุ้มครองดูแลเรา
แต่เราเคารพหมดนะ เพราะเรากตัญญูกตเวที เราไม่เนรคุณ เรากตัญญูกตเวที เคารพถึงบุญคุณที่ท่านอบรมสั่งสอนเรามา ท่านอบรมบ่มเพาะสั่งสอนเรามา แบบหลวงตาพระมหาบัวท่านบอกว่า “หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามา หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามา”
เราก็มีหลวงปู่เจี๊ยะ มีหลวงตาพระมหาบัว พ่วง! พ่วง! บนกระหม่อมเรามา
ฉะนั้น สิ่งที่ภายนอกที่คนเข้าไปยุไปแหย่ ไปทิ่มไปตำเพื่อให้กำจัดเราซะ กำจัดเราซะ เราไม่ถือสา เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เราสอนทุกวัน เราไม่เคยจองเวรจองกรรมพวกนี้เลยนะ ถ้าเราจองเวรจองกรรมแสดงว่ากิเลสเราหนามาก
เราไล่โยมออกจากวัดนี้ไปเยอะมาก แต่ไม่เคยจองเวรจองกรรมนะ เรื่องของกรรมของสัตว์ สัตว์ออกไปเถอะ เพราะมันจะทำลายข้อวัตรปฏิบัติ มันจะทำลายพระพุทธศาสนา โดยที่คิดว่ามันเข้ามาปฏิบัติในพระพุทธศาสนา แล้วมันก็ทำลายพระพุทธศาสนาโดยการปฏิบัติของมันนั่นแหละ เราไล่ออกไปหมด แต่ไม่จองเวรจองกรรม เพราะมันเป็นภาระไง ถ้าจองเวรจองกรรมต้องตามไปดูมัน นี่ไม่ ไล่ออกไปแล้วจบ เราก็กำหนดพุทโธๆ พุทธะ รักษาหัวใจของตน
ฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาล ไม่อยากจะพูดว่า ใช้คำว่า “องคุลิมาล” โดนลูกศิษย์ โดนเพื่อนด้วยกันไปยุแหย่อาจารย์ขององคุลิมาล ให้อาจารย์ขององคุลิมาลหลอกให้องคุลิมาลไปโดนฆ่า เราไม่อยากจะพูดถึงขนาดนั้น แต่เหตุการณ์มันเหมือนกัน เหตุการณ์มันเหมือนกัน แต่เราไม่ถือสานะ เพราะมันเป็นกรรมของสัตว์ มันเป็นอดีตผ่านไปนานแล้ว แต่เอ็งไปดูเทปมาไง ตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ แล้วเอามาเขี่ยคุ้ยฟื้นฝอยหาตะเข็บ
แต่เรากตัญญูกตเวที เราเคารพบูชาของเรา แต่ความเห็นของท่าน คนพูดแล้วท่านเชื่อ ท่านทำตามเขาไป มันก็เวรกรรมของเรา เวรกรรมของเราเอง แต่จบหมดแล้ว มันมีเนรคุณกับกตัญญูกตเวที เรากตัญญูของเรา เราไม่เนรคุณใคร แต่ที่เราปกป้องคุ้มครองคือปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา เอวัง